น้ำพริกอ่อง

น้ำพริกอ่อง



ส่วนประกอบ
* หมูสับ 300 กรัม
* มะเขือเทศ 200 กรัม
* หอมแดงหั่นเป็นชิ้นๆ 100 กรัม
* พริกแห้งหั่นเป็นชิ้นๆ 50 กรัม
* ตะไคร้หั่นละเอียด 25 กรัม
* กะปิ 30 กรัม
* เต้าเจี้ยว 1 ช้อนชา
* กระเทียมสับละเอียด 40 กรัม
* เกลือ 1/2 ช้อนชา
* น้ำตาล 1 ช้อนชา
* ผักชีสำหรับแต่งอาหาร
* ผักสด (แตงกวา, แครอท, กะหล่ำปลี, อื่นๆ)

 วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ใส่หอมแดง, กะปิ, กระเทียม (20 กรัม), เต้าเจี้ยว, พริก, ตะไคร้ และน้ำ 1/2 ถ้วยตวง ลงในเครื่องปั่นอเนกประสงค์ (หรือใช้ครก+สาก) ปั่นจนกระทั่งส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี
2. ใส่น้ำมันในกระทะและนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมลงไปผัดจนเหลือง จากนั้นจึงใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไปผัดจนหอม
3. ใส่หมูลงไปผัดจนสุกทั่ว จากนั้นจึงใส่มะเขือเทศ, น้ำเปล่า, เกลือและน้ำตาล
4. หมั่นคนจนกระทั่งเดือด จึงลดไฟลงและเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆประมาณ 10 - 20 นาที
5. ตักใส่ถ้วย แต่งหน้าด้วยผักชี และผักสดต่างๆ (ถ้าไม่ชอบผักสด สามารถนำไปลวกจนสุกได้) เสริฟทันทีพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ (หรือข้าวเหนียว)


แกงส้มผักรวมกุ้งสด

                                    แกงส้มผักรวมกุ้งสด




แกงส้มผักรวมกุ้งสด

แกงส้ม ถือเป็นอาหารที่นิยมกินกันในทุกภาคเนื่องจากหากินได้ง่ายและจัดว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพได้เพราะสามารถใส่ผักได้หลายชนิดจะใส่ผักชนิดเดียวหรือผักหลายชนิดรวมกันก็ได้ 

สมัยก่อนนิยมใช้ผักชนิดเดียวแต่ในปัจจุบันนิยมใช้ผักหลายๆชนิดมารวมกันเนื่องจากผักหลายชนิดทำให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต่างกันและทำให้รสชาติของน้ำแกงอร่อยขึ้นผักที่ใช้เช่นผักกาดขาวดอกแคแตงโมกระเฉดอ่อนผักบุ้งผัก

เนื้อสัตว์ที่นิยมใช้คือปลาและกุ้งส่วนหนึ่งของเนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงจะนำมาโขลกปนกับเครื่องแกงเครื่องแกงส้มประกอบด้วยพริกแห้งหอมแดงกะปิถ้าจะให้มีรสเผ็ดเพิ่มขึ้นอาจใช้พริกขี้หนูสดสีแดงหรือพริกชี้ฟ้าแดงแทนพริกแห้งก็ได้วันนี้แนะนำ "แกงส้มผักรวมกุ้งสด"ค่ะ


วิธีทำและส่วนผสมแกงส้มกุ้งสด มีดังนี้

1.กุ้งกุลาดำหรือกุ้งแชบ๊วย (ไซต์กลางๆ) 4-5 ตัว,
2.น้ำพริกแกงส้ม 1 ขีด,
3.ผักกาดขาว 1 1 / 2 ถ้วย,
4.หัวไชเท้า 1 ถ้วย,
5.ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 1 1 / 2 ถ้วย,
6.ผักบุ้งไทยหั่นท่อน 1 1 / 2 ถ้วย,
7.น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ,
8.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ,
9.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ,

10.น้ำซุปกระดูกไก่ 4 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำพริกแกงส้ม
พริกแห้งแกะเม็ดแช่น้ำ 1 / 3 ถ้วย, หอมแดงซอย 1 / 3 ถ้วย, กระเทียม 1 / 2 ช้อนชา, กะปิ 1 ช้อนชาครึ่ง, เกลือป่น 1 ช้อนชา, เนื้อปลาต้ม 1 / 2 ขีด (ทำให้เพื่อจะน้ำขึ้นข้นแกงส้ม)

วิธีทำแกงส้ม
1. โขลกพริกแห้งหอมแดงกระเทียมกับเกลือป่นให้ละเอียด
2. ใส่เนื้อปลาต้มลงโขลกให้เข้ากัน
3. ล้างกุ้งแกะเปลือกเด็ดหัวผ่าหลังชักเส้นดำออก
4. ตั้งน้ำซุปให้เดือดแล้วละลายน้ำพริกแกงส้มลงไป
5. พอน้ำแกงเดือดใส่หัวไชเท้าถั่วฝักยาวผักบุ้งผักกาดขาวพอผักนุ่มจึงใส่กุ้ง
6. ปรุงรสด้วยน้ำปลาน้ำมะขามเปียกยกลงแล้วจึงใส่น้ำมะนาวตักเสิร์ฟขณะร้อน

ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.bloggang.com

ยำเห็ดเข็มทอง

                                     ยำเห็ดเข็มทอง



ส่วนผสม
เห็ดเข็มทอง(ตัดส่วนโดนเห็ดออก) 100 กรัม
ผักชีเด็ดใบ 3 กรัม
พริกขี้หนูสับละเอียด (ปรับเปลี่ยนได้ตามปริมาณความจัดจ้าน )  6-7 เม็ด
มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย
กระเทียมเม็ดใหญ่ ซอยละเอียด1 หัว
รากผักชี  2 ราก
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
หมูสับ 1 ขีด
กุ้งสด 4-5 ตัว
ปลาหมึกสด    2-3 ตัว

ขั้นตอนการทำ
1. ตั้งน้ำให้เดือดจากนั้นใส่รากผักชีที่ทุบแล้วลงไป นำเห็ดเข็มทองมาลวกในน้ำเดือดเมื่อสุกแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
2. นำกุ้งสด (กุ้งที่แกะเปลือกแล้วผ่าหลังเอาเส้นสีดำออก) หมึกสด (หั่นเป็น 2 ท่อน) และหมูสับมาลวกให้สุกตักขึ้นพักไว้
3. มาถึงขั้นตอนในการทำน้ำยำโดยผสมน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว พริกขี้หนู คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปรุงรสตามใจชอบ
4. นำเห็ด กุ้ง ปลาหมึกและหมูสับที่สุกแล้วมาคลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำยำลงไปคลุกเคล้าอีกรอบ ตามด้วยต้นหอมซอยและผักชีที่เด็ดไว้แล้ว
5. ตักใส่จานแต่งหน้าด้วยยอดผักชีที่เหลือพร้อมเสิร์ฟ

ผัดผักบุ้งไฟแดง

                                                     ผัดผักบุ้งไฟแดง



ผักบุ้ง เป็นผักที่ช่วยให้คุณนั้นมีสายตาที่ดีขึ้น ซึ่งก็เป็นเพราะว่าผักบุ้งนั้นช่วยบำรุงสายตาของคุณให้มีสุขภาพที่ดี อีกทั้งยังเป็นผักที่ใยอาหารสูงจึงช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายให้มีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่อาการท้อผูกหรือถ่ายยากนั้นให้ลองรับประทานอาหารที่มีผักบุ้งเป็นส่วนประกอบจะช่วยให้มีการขับถ่ายที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณนั้นรู้สึกดี และวันนี้ผู้เขียนก็มีเมนูอาหารที่น่ารับประทานและเป็นเมนูอาหารง่ายๆอีกอย่างหนึ่งมาฝากกันด้วยค่ะ ซึ่งเมนูนั้นก็คือผัดผักบุ้งนั่นเอง ซึ่งมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำผัดผักบุ้งดังต่อไปนี้

ส่วนผสม
                                           ผักบุ้งจีนเด็ดยาว 2 นิ้ว 200 กรัม
                                           พริกขี้หนูสีแดงบด 1 ช้อนชา
                                           พริกขี้หนูสีเขียวทุบ 5 เม็ด
                                           กระเทียมบด 1 ช้อนชา
                                           น้ำมันหอย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
                                           ซอสปรุงรส 3 ช้อนชา
                                           เต้าเจี้ยวบด 1/2 ช้อนโต๊ะ
                                           น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
                                           พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
                                           น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
                                           น้ำหรือน้ำสต๊อกหมู 2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ
1.เตรียมบักบุ้งจีนที่ซื้อมาทำความสะอาด แล้วหั่นหรือเด็ดยาวประมาณ 2 นิ้ว
2.เตรียมผักบุ้งจีนที่เด็ดแล้ว พริกขี้หนูสีแดงบด พริกขี้หนูสีเขียวทุบ กระเทียมบดหรือทุบพอแหลก ซอสปรุงรส น้ำมันหอย เต้าเจี้ยวบด น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ใส่ในจานเดียวกัน
3.ตั้งกระทะโดยใช้ไฟแรง จนกระทะร้อนแล้ว ใส่น้ำมัน พอน้ำมันเริ่มร้อนจัด ให้นำผักบุ้งที่เตรียมใส่จานไว้เมื่อสักครู่ ใส่ลงในกระทะ ผัดไฟแรง อย่างรวดเร็ว เติมน้ำหรือน้ำสต๊อกหมู 4.ผัดพอสุกทั่วแล้วปิดไฟ ตักใส่จาน เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวต้มกุ๊ยร้อนๆ ก็ได้


เนื้อแดดเดียว

                                      เนื้อแดดเดียว


ส่วนผสมหลัก
เนื้อวัว
500 กรัม
กระเทียม
1 หัว
ผงกะหรี่
1 ช้อนชา
พริกไทยป่น
1/2 ช้อนชา
น้ำมันหอย
1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา
1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี
3 ราก
น้ำตาลทราย1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าขาว2 ช้อนโต๊ะ
ซอสพริก
3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  • ล้างเนื้อให้สะอาด แล่ออกเป็นแผ่นหนา ประมาณ 1 ซ.ม.
  • โขลกกระเทียม รากผักชี พริกไทยให้ละเอียด เคล้ากับเนื้อให้เข้ากัน เติมน้ำปลา เหล้าขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย ผงกะหรี่ หมักประมาณ 1 ช.ม. แล้วตากแดด 1 วัน (ส่วนรับประทานได้คิดเป็นสัดส่วน ครึ่งหนึ่งของน้ำหนักเริ่มต้น)
  • ทอดเนื้อ ในน้ำมันร้อน พอสุกตักให้สะเด็ดน้ำมัน รับประทานกับซอสพริก

ต้มข่ากุ้งทะเลเกยตื้น

                          ต้มข่ากุ้งทะเลเกยตื้น


ต้มข่ากุ้งทะเลเกยตื้น

 
ต้มข่ากุ้งรสแซ่บ
เมนูเด็ดวันนี้ แม่ครัวสายพันธุ์ลาวยโส มาดามนี คนไท(ยโส) ในต่างแดน ที่พำนักอยู่ในประเทศฝรั่งเศษ จะมาแนะนำวิธีการปรุงเมนูต้มข่ากุ้งรสแซ่บ‏ ด้วยเครื่องปรุงและขั้นตอนการทำง่าย ๆ เป็นอาหารไทยภาคกลาง เป็นอาหารคาวที่รับประทานกับข้าวสวย รับประทานกันทั่วทุกภาคในประเทศ

ส่วนประกอบ1.กุ้งสด 10-12ตัว (หรือมากน้อยตามชอบค่ะ)
2.กะทิกล่อง 1 กล่อง 
3.ข่า 7-8 แว่น 
4.ตะไคร้ 1-2 ต้น
5.พริกสด 3-4 เม็ด หรือเผ็ดตามชอบ
6.เห็ดสด ที่นี่ใช้เห็ดกระดุม หรือ เห็ด Paris (เห็ดนางฟ้าหายาก) กะพอประมาณ
7.ผักชี ต้นหอม 2-3 ต้น
8.น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
10.น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำเปล่า 2 ถ้วย 
12.เกลือป่น หรือ ผงคนอร์ 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ1.แกะเปลือกกุ้งออก ผ่าหลัง ล้างน้ำให้สะอาด พักไว้
2.นำข่า ตะไคร้ ล้างให้สะอาด หั่นข่าเป็นแว่นๆ หั่นตะไคร้เฉียงๆ พักไว้
3.นำเห็ด พริกสด ต้นหอม ผักชี ล้างให้สะอาด หั่นเห็ด 5-6 ส่วน พองาม ต้นหอมผักชีหั่นหยาบ พริกหั่นเฉียง ๆ พักไว้
4.เปิดเตาไฟแรงปานกลาง ใส่นำ้เปล่า 1 ถ้วย กะทิครึ่งกล่อง รอจนเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ ลงไป เคี่ยว 5นาที 
5.ใส่เห็ด ใส่น้าเปล่าอีก 1ถ้วย ใส่กะทิที่เหลืออีกครึ่งกล่องลงไป รอจนนำ้เดือดซักพัก
6.ใส่กุ้งสดที่เตร์ยมไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไฟ (สาเหุตที่ใส่กุ้งทีหลัง เพราะว่ากุ้งสุกง่าย กุ้งจะได้ไม่แข็ง เดี๋ยวไม่อร่อย)
7.ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว น้าตาลทราย ชิมรสตามชอบใจ โรยผักชี ต้นหอม คนให้เข้ากัน 
ตักใส่ชาม โรยผักชี พริกสด แต่งให้สวย พร้อมเสิร์ฟ (ชอบเผ็ดใส่พริกตามชอบค่ะ)


ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์


ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

 
ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นอีกหนึ่งอาหารจานโปรดของชาวต่างชาติทั้งที่เคยและไม่เคยเดินทางไปประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งเมนูของไทยที่ทำได้ค่อนข้างง่าย ๆๆ เสิรฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็แซบเวอร์ เบา ๆ แล้ว หิว

ส่วนประกอบและเครื่องปรุง1.เนื้อสะโพกไก่ 300 กรัม 
2.ซ๊อสถั่วเหลือง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
3.ซ๊อสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
4.มะม่วงหิมพานต์ 1/3 ถ้วยตวง
5.ต้มหอม 2 ต้น 
6.กระเทียม 3 กลีบ
7.หอมใหญ่ 1/4 หัว 
8.พริกแห้ง 4 เม็ด 
9.น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
10.เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ (ไวน์สำหรับทำอาหาร)
11.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก

แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง

                          แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง


แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง

 
แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง รสชาติร้อนแรงแบบอีสานบ้านเฮา นัวลึกแซบบบ แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง มี 2 ตำรับ คือ แกงผักหวานป่า และแกงผักหวานบ้าน นิยมแกงใส่ไข่มดแดง ซึ่งเป็นฤดูที่ผักหวานป่าผลิยอดในช่วง มีนาคม มิถุนายน และเป็นช่วงเดียวกับมดแดงออกใข่

ส่วนประกอบ1.ผักหวานป่า 2 กำมือ (ใส่หลายกะแซบบหลาย)
2.ไข่มดแดง 1 ถ้วยน้อย (ใส่หลายกะแซบบหลาย)
3.แมงลัก (ผักอีตู่) 1 กำมือ
4.ปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ (เอาพอดีนัว)
5.นํ้าปลา 1 ช้อนโต๊ะ(เอาพอดีนัว)
6.น้ำ 1 ถ้วย
7.พริกแห้ง หรือดิบ 5 เม็ด
8.ตะไคร้ 1 ต้น
9.หอมแดง 3-5 หัว
10.เกลือป่นเล็กน้อย (เอาพอดีนัว)
11.ใบมะกรูด
หมายเหตุ : เครื่องแกง โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

วิธีทำ1.ล้างผัก ล้างไข่มดแดง ให้สะอาด เตรียมไว้
2.โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด(พริก ตะไคร้ หอมแดง เกลือป่น)
3.หม้อตั้งไฟแล้วใส่น้ำลงในหม้อ พอเดือด ใส่เครื่องแกง ผักหวาน ไข่มดแดง
4. ปรุงรสด้วยปลาร้า น้ำปลา ตบท้ายด้วยผักแมงลัก (ผักอีตู่)
5. ยกลงตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ มาเด้อพี่น้องกินข้าวนำกัน เป็นมื้อที่แซบที่สุด

ยำปลาหมึก

                             ยำปลาหมึก

ยำปลาหมึก
* ปลาหมึกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 400 กรัม
* ต้นหอมหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* ใบสาระแหน่ 1/2 ถ้วยตวง
* คึ้นฉ่ายหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* ขิงซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
* หอมใหญ่หั่น 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* พริกขี้หนูทุบพอแหลก 3-5 เม็ด
* ตะไคร้ซอยละเอียด 1 ช้อนชา
* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
ปลาหมึกสด
ยำปลาหมึก
     วิธีทำทีละขั้นตอน
1. นำปลาหมึกไปลวกในน้ำร้อนจนสุก นำออกมาสะเด็ดน้ำ
2. นำปลาหมึกที่ลวกแล้วไปผสมกับ, พริก, น้ำมะนาว, น้ำปลา, น้ำตาล, ตะไคร้, คึ้นฉ่าย, ขิงซอย และหอมใหญ่ คลุกจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี
3. ปรุงรสเพิ่มเติมตามรสที่ต้องการ รสชาติดั้งเดิมควรจะมีรสเปรี้ยวนำ และมีรสค็มนิดหน่อย ส่วนรสเผ็ดปรับความชอบ
4. จัดใส่จาน แต่งหน้าด้วยผักชี, ใบสาระแหน่ และต้นหอม เสริฟทันที พร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือเป็นกับแกล้มก็ได้ี (สำหรับอาหารประเภทยำนั้น เมื่อยำแล้วควรจะเสริฟทันที ถ้าทิ้งไว้นานเนื้อสัตว์จะดูดน้ำยำเข้าไป ทำให้รสชาติผิดไปจากที่ปรุงไว้ อาหารจะชืดและไม่อร่อย)



Squid, cut into pieces 400 grams.
* 1 tablespoon chopped green onion.
* Mint leaves 1/2 cup.
* Signup with Pickled sliced ​​1 tbsp.
* Ginger, sliced ​​1/2 tbsp.
* 2 tablespoons chopped onion.
* Sugar 1/2 tsp.
* 2 tablespoons fish sauce.
* 1 tbsp chopped coriander.
* Enough paprika, crushed 3-5 pounding grain.
* Lemongrass, finely chopped 1 tsp.
* 3 tablespoons lemon juice.


How to do step by step.

First. Put octopus boiled in hot water to cook. Remove and drain.

Two. Brought to mix with the boiled squid, chilli, lime juice, fish sauce, sugar, lemongrass, Signup at Pickled ginger, soy and onion mixture and mix until everything is well combined.

Three. Additional seasoning to taste. Taste should be sour. And the little cottage flavor. The spicy taste fine.

4. Dish garnish with coriander leaves, mint leaves and serve immediately with steamed rice and spring onion. Or as a snack, it Adgi. (For the spicy food. When the salad should be served immediately. If left long meat will absorb into the salad. The flavors of the ingredients that go wrong. Food is insipid and unpalatable).

ต้มข่าไก่

                               ต้มข่าไก่



วิธีทำต้มข่าไก่
ส่วนผสมที่ใช้ทำ ต้มข่าไก่
  • ไก่ 1 ตัว
  • มะพร้าว 1/2 กิิโลกรัม
  • ตะไคร้ 3 ต้น
  • ใบมะกรูด 10 ใบ
  • ข่าอ่อน
  • น้ำปลา
  • มะนาว
  • พริกขี้หนู
  • รากผักชี
ขั้นตอนและวิธีทำ ต้มข่าไก่
  1. ไก่ล้างน้ำเำแล้ว หั่นเป็นชิ้นใหญ่ทั้งกระดูก 
  2. ข่าอ่อนหั่นเป็นแว่นบางๆ 
  3. เตรียมมะพร้าวคั้นกะทิ กะน้ำพอควร ดั้งไฟ 
  4. ใส่ใบมะกรูดฉีก ตะไคร้ บุบพอแตก สุกทั่ว ยกลง 
  5. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว พริกขี้หนูบุบ ชิมรสดู โรยผักชีั

โจ๊กหมู

                               โจ๊กหมู



วิธีทำเมนูโจ๊กหมู
ส่วนผสมที่ใช้ทำโจ๊กหมู
  • เนื้อหมูสับ 2 ขีด
  • ตับหมูหั่นบาง1 ขีด
  • น้ำต้มกระดูกหมู 2 ถ้วย
  • ปลายข้าว 1/2 ถ้วย
  • ซีอิัวขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ต้นหอมผักชีหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
  • พริกไทยป่น
ขั้นตอนและวิธีทำการทำโจ๊กหมู
  1. นำปลายข้าวมาต้มจนเปื่อย สุก
  2. ใส่น้ำต้มกระดูกหมูที่เตรียมไว้ลงไปผสมกับปลายข้าวที่ต้มเตรียมไว้พอเดือด
  3. ใส่หมูสับแบ่งเป็นก้อนเล็กๆ ปรุงรส ตามชอบ ด้วยซีอิ้วขาวหรือ น้ำปลา
  4. ใส่ตับหมูืลงไป คนให้เข้ากันทั่วหม้อ
  5. พอสุกจึงยกลง ตอกไข่ที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในชามที่จะเสิร์ฟ ตักโจ๊กใส่ลงไป
  6. แต่งหน้าจานด้วยขิง ต้นหอม ผักชี และ พริกไทยป่น

ข้าวต้มทรงเครื่อง

                           ข้าวต้มทรงเครื่อง


ส่วนผสมที่ใช้ทำ ข้าวต้มทรงเครื่อง
- ข้าวสวย 600 กรัม
- หมูสับ 200 กรัม
- กุ้งสดแกะเปลือก 200 กรัม
- น้ำเปล่า 5 ถ้วย
- น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมปอกเปลือกสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- ตั้งฉ่าย 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส ,น้ำปลา, น้ำส้มพริกดอง, เต้าเจี้ยว, ต้นหอม, ขึ้นฉ่ายหันฟอย, พริกไทยป่น, อย่างละ 1/2 ช้อนโต๊ะ
 
ขั้นตอนและวิธีทำการทำ ข้าวต้มทรงเครื่อง
1. เจียวกระเทียมในน้ำมันตั้งไฟแรงปานกลางพอเหลืองเอาขึ้นพักไว้
2. นำเนื้อหมูและกุ้งสดที่เตรียมไว้ ผัดลงไปในกระทะ ให้สุกทั่วกันนำขึ้นพักไว้
3. นำน้ำใส่ลงไปในหม้อตั้งไฟให้เดือด นำข้าวที่เตรียมไว้ใส่ลง หลังจากนั้นตามด้วย เนื้อหมูและกุ้งสดที่พักไว้ คนให้เนื้อทั้งหมดเข้ากันทั่วๆ ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสใส่ตั้งฉ่ายลงไป คนให้เข้ากันทั่วๆ ยกขึ้นตักใส่ถ้วย
4. หลังจากใส่ถ้วยแล้วปรุงรสตามใจชอบ พริกไทยป่น เต้าเจี้ยว ต้นหอม ขึ้นฉ่าย น้ำส้ม อย่างละนิด และตกแต่งด้วยกระเทียวเจียว โรยหน้าด้วยผักชี

ขนมเปียกปูน

                              ขนมเปียกปูน

ขนมหวานไทย : ขนมเปียกปูน

* แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
* แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม
* น้ำกาบมะพร้าวเผา 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง
* น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง 
* เนื้อมะพร้าวฝอย 1 1/2 ถ้วย
   (คลุกเกลือนิดหน่อย ไว้สำหรับโรยหน้า)
ขนมหวานไทย : ขนมเปียกปูน
ขนมหวานไทย : ขนมเปียกปูน
 
      วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำกาบมะพร้าวไปเผาไฟพอไหม้นิดหน่อยจึงนำไปจุ่มลงในน้ำสะอาด ทิ้งไว้ให้กาบมะพร้าวแห้ง จึงนำไปโขลกให้ละเอียด และร่อนจนได้ผงละเอียด แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำสะอาด 3/4 ถ้วยตวง
2. ผสมแป้งข้าวเจ้าและ แป้งเท้ายายม่อม กับน้ำกะทิ, น้ำปูนใส, น้ำกาบมะพร้าว (ที่ทำในขั้นตอนที่ 1)และ น้ำตาลมะพร้าว ผสมจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3. เมื่อกรองเสร็จแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) นำไปตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟแรง กวนสักพักพอแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงลดไฟลงและ กวนต่อจนส่วนผสมข้นและเหนียว จึงเทใส่ถาดเกลี่ยหน้าให้เรียบหรือเทใส่แบบพิมพ์ที่เตรียมไว้
4. ถ้าเทใส่ถาด รอจนส่วนผสมเย็นจึงตัดเป็นชิ้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวฝอย ตักเป็นชิ้นใส่จานเสริฟ หรือเสริฟทั้งถาดแล้วแต่ความเหมาะสม

ที่มา

ขนมถังแตก

ขนมถังแตก

+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง +
* แป้งสาลี 500 กรัม
* แป้งข้าวเจ้า 1500 กรัม
* กะทิ 3 ถ้วยตวง
* น้ำ 6 ถ้วยตวง
* ยีสต์ 2 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 800 กรัม (1)
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา (2)
* เกลือป่น
+ ส่วนผสมไส้ขนม +
* งาดำคั่วพอสุก 3 ช้อนโต๊ะ
* มะพร้าวแก่ขูดเป็นเส้นๆ 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย
ขนมหวานไทย : ขนมถังแตก
ขนมหวานไทย : ขนมถังแตก
 
      วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ผสมแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1 : 800 กรัม) และเกลือป่นเล็กน้อย จากนั้นใส่กะทิและน้ำ คนให้เข้ากัน
2. ผสมยีสต์กับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2 : 2 ช้อนชา)ในน้ำอุ่นเล็กน้อย คนให้เข้ากันดี จากนั้นจึงปิดฝาภาชนะที่ใช้ผสม นำไป ตากแดดประมาณ 8-10 นาที จึงนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง พอเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและมีฟองเป็นอันใช้ได้
3. ทาน้ำมันที่กระทะ ตั้งไฟจนร้อนจัดแล้วลดไฟลง ตักแป้ง (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) ใส่กระทะเหล็ก พอแป้งเริ่มสุก จึงโรยน้ำตาลทราย (ตามความหวานที่ชอบ), งา และมะพร้าวขูด แซะพับครึ่งแล้วตักขึ้นใส่จานเสริฟ

วุ้นกะทิ

                                                           วุ้นกะทิ


 เครื่องปรุง + ส่วนผสม
+ ส่วนผสมตัววุ้น +
* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
* น้ำใบเตย,น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)


+ ส่วนผสมหน้าวุ้น +
* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
* เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
* แม่พิมพ์สำหรับใส่วุ้น (ถ้วยหรือชามเล็กๆ ก็สามารถใช้แทนกันได้)
ขนมหวานไทย : วุ้นกะทิกาแฟ
ขนมหวานไทย : วุ้นกะทิใบเตย
 
      วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น)
2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง
3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง
4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย
5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน
6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างปราณีต (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน)
7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที


ขนมตาล

                             ขนมตาล



ส่วนผสม
  1. แป้งข้าวเจ้า 4 1/2 ถ้วยตวง
  2. เนื้อลูกตาลสุกยี 1 ถ้วยตวง
  3. กะทิ 4 1/2 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง

ครื่องโรยหน้าขนมตาล

  1. มะพร้าวทึมทึกขูด 3 ถ้วยตวง
  2. เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมตาล

  1. ยีเนื้อลูกตาลกับน้ำ ใส่ถุงผูกผ้าให้น้ำของตาลหยด เหลือแต่เนื้อตาลล้วน ค้างคืนไว้ 24 ชั่วโมง
  2. ตวงกะทิ 3 ถ้วยผสมกับน้ำตาลตั้งไฟพอเดือด ยกลงพักไว้ให้อุ่น
  3. นวดแป้งกับเนื้อตาลให้เข้ากันค่อย ๆ ใส่กะทิลงนวดทีละน้อย จนแป้งนุ่มพักแป้ง ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
  4. ตัดใบตองทำกระทง 2 มุม ตักขนมหยอดหรือใส่ถ้วยตะไล โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดผสมเกลือ นึ่งไฟแรงประมาณ 15 นาที ขนมสุกยกลง

ที่มา
women.postjung


ขนมครก

                            หนมครก


ส่วนผสม
+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง +
* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
* ข้าวสุก 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
* มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา
* มันหมูห่อผ้าขาว (เช็ดหลุมเตาก่อนหยอดตัวแป้ง, อาจใช้น้ำมันพืชแทนได้)
* ต้นหอมซอย, เมล็ดข้าวโพด, เผือก, ฟักทอง (สำหรับโรยหน้าขนมครก)
+ ส่วนผสมทำกะทิหยอดหน้า +
* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา

ขนมหวานไทย : ขนมครก
ขนมหวานไทย : ขนมครก
 
      วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก, แป้งข้าวเจ้า, มะพร้าว และเกลือ ใส่กาละมังพักไว้
2. ต้มน้ำให้เดือด แล้วเอามาผสมในกาละมังที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันทั่ว
3. ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ก็จะได้แป้งขนมครกตามต้องการ
4. ทำกะทิหยอดหน้าโดยผสมหัวกะทิ, น้ำตาลทรายและเกลือป่นเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วพักไว้
5. วิธีทำ นำกระทะหลุมที่เตรียมไว้ตั้งไฟจนร้อนได้ที่ จึงเช็ดหลุมด้วยน้ำมันจากนั้นจึงหยอดแป้งลงไป (อย่าหยอดจนเต็ม เพราะต้องหยอดหน้ากะทิภายหลัง) ปิดฟาทิ้งไว้จวนสุกจึงเปิดฝาออกและหยอดด้วยหน้ากะทิที่เตรียมไว้ ถ้ามีต้นหอมหรืออย่างอื่นเพิ่มเติมก็โรยลงบนหน้ากะทิ ปิดฝารอสักพักจนสุกจึงแคะออก ควรทานขณะร้อนจะรสชาตดีกว่าทิ้งไว้จนเย็น



ขนมชั้น

                           ขนมชั้น


ส่วนผสม

                                 * แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
                                 * แป้งท้าวยายม่อม 2 ถ้วยตวง
                                 * น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
                                 * น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง
                                 * กะทิ 6 ถ้วยตวง
                                 * น้ำดอกอัญชัญ 2 ช้อนโต๊ะ  (หรือน้ำใบเตยคั้นสด,หรือใช้สีผสมอาหารตามที่ต้องการ)



               วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำดอกอัญชันล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นใส่น้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเตรียมน้ำดอกอัญชัญ กรณีต้องการทำสีเขียวจากใบเตย ก็นำเอาใบเตยไปล้างให้สะอาดและนำไปปั่นใส่น้ำและกรองด้วยผ้าขาวบาง กรณีต้องการสีอื่น อาจใช้สีผสมอาหารแทน
2. นำน้ำลอยดอกมะลิไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ผสมน้ำตาลทรายลงไป คนจนละลายดีเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำแป้งทั้งสองชนิด ผสมกับกะทิ นวดให้เหนียว จากนั้นใส่น้ำลอยดอกมะลิที่ผสมน้ำตาลแล้ว (ขั้นตอนที่ 2) ลงไปผสมให้เข้ากัน
4. แบ่งแป้งที่ผสมแล้วออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกแบ่งไว้ทำสีขาว และส่วนที่สอง ไว้ทำสีม่วงโดยเติมน้ำดอกอัญชัน (น้ำใบเตยหรือสีผสมอาหาร)ลงไปคนให้เข้ากัน
5. นำถาดที่ต้องการ (หรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้) ใส่บนลังถึงตั้งบนไฟแรง ๆ พอน้ำเดือดเปิดฝา ตักแป้งสีขาวเทใส่ลงในถาดเกลี่ยให้ทั่วถาดบางที่สุด ปิดฝาเพื่อให้สุกประมาณ 5 นาที เปิดดูแป้งจะมีลักษณะใส จากนั้นตักแป้งสีม่วง (หรือสีที่ผสมลงไป) ใส่ลงไป อีก ทำสลับกันจนแป้งหมด (เคล็ดลับ : ควรใช้ภาชนะที่มีความจุเท่ากันในการตวงแป้งเทแต่ละชั้น เพื่อที่จะได้แป้งที่มีความหนาเท่า ๆ กัน)
6. นึ่งจนขนมสุกทั้งหมด แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงจึงตัดเป็นชิ้นเพื่อเสริฟ (เคล็ดลับ : ก่อนที่จะเทแป้งเพื่อทำชั้นต่อไปทุกครั้ง จะต้องแน่ใจว่าขนมในชั้นล่างนั้นสุกแล้วจริง ๆ ไม่เช่นนั้น แป้งชั้นนั้นจะไม่สุกเลย ถึงแม้จะใช้เวลานึ่งนานเท่าใดก็ตาม)




                                                


ครองแครงกะทิสด

                       ครองแครงกะทิสด


ส่วนผสม

-แป้งมัน
-น้ำกะทิ(สำหรับทำตัวครองแครง)
-หัวกะทิ(สำหรับทำน้ำกะทิ
-น้ำตาลทรายขาว
-เกลือป่น
-แม่พิมพ์สำหรับกดแป้งทำครองแครง
-งาขาวคั่ว


วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำแป้งมันไปร่อนและผสมกับน้ำกะทิ (1/2 ถ้วยตวง) ในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนแป้งละลาย คนจนแห้งและเหนียว จึงปิดไฟ
2. นำแป้งมานวดจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว และนำไปปั้นเป็นลูกกลมๆ จากนั้นจึงนำไปกดบนแบบครองแครง (ถ้าไม่มีใช้ส้อมกดแทนพอได้) เสร็จแล้วนำไปคลุกแป้งมันนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ติด และใช้ผ้าขาวบางหมาดๆ คลุมไว้ ทำครองแครงจนแป้งหมด
3. ตั้งน้ำร้อนในหม้อจนเดือด จึงนำครองแครงที่ปั้นแล้วใส่ลงไปต้มจนสุกใส จึงนำออกมาแช่น้ำเย็นไว้สักพักแล้วนำออกมาสะเด็ดน้ำ
4. ทำน้ำกะทิโดยผสมหัวกะทิ (1 ถ้วยตวง), น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ จนละลายเข้ากันดี รอจนน้ำกะทิเดือดจึงใส่ครองแครงที่ต้มสุกแล้วลงไป ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ
5. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว และเสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆ



ซุปหน่อไม้

                              ซุปหน่อไม้

ส่วนผสม
- หน่อไม้ลวก 3ขีด
- ใบย่านาง 30 ใบ
- น้ำปลาร้า 50 กรัม
- ใบสะระแหน่ 10 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 30 กรัม
- ผักชีฝรั่งซอย 2 ต้น
- ต้นหอมซอย 20 กรัม
- งาขาวคั่ว 3 กรัม
- พริกป่น 1 ช้อนชา
ขั้นตอนและวิธีทำการทำซุปหน่อไม้
1. นำหน่อไม้ไปเผาแล้วนำมารวกน้ำร้อน หลังจากนั้น นำหน่อไม้มาขูดให้เป็นเส้นๆ
2. นำใบย่านางที่เตรียมไว้มาโขลก แล้วคั้นเอาแต่น้ำใบย่านาง กรองด้วยด้วยผ้าขาวบาง
3. นำน้ำใส่ในหม้อตามด้วยน้ำใบย่านางที่กรองไว้แล้ว เสร็จแล้วตั้งไฟต้มจนเดือด นำ่หน่อไม้ใส่ไปในหม้อ ต้มให้เดือดหน่อไม้เดือด ใส่น้ำปลาร้า น้ำปลา เกลือ ที่เตรียมไว้
4. พอเดือดได้ที่ ตักซุบหน่อไม้ใสชามแล้วปรุงรสด้วยน้ำมะนาว พริกป่น คลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
5. เสร็จแล้วตักซุปหน่อไม้ใส่จาน จัดหน้าด้วย งาคั่ว ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ใบสะระแหน่ โรยให้ทั่ว

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thaifoodcookbook.net

ผัดเผ็ดปลาดุก

                          ผัดเผ็ดปลาดุก


ส่วนประกอบ
  
                                            - ปลาดุก 5ตัว
                                            - กระชาย 10 ราก
                                            - พริกชี้ฟ้า 5 เม็ด
                                            - ใบโหระพา 3 ต้น
                                            - น้ำมันหมู
                                            - น้ำปลา
                                            - น้ำตาล
                                            - พริกขี้หนู 24 เม็ด
                                            - หัวหอม 4 หัว
                                            - กระเทียม 1หัว
                                            - ข่า4แว่น
                                            - ตะไคร้หั่นฝอย 1 ต้น
                                            - รากผักชี 3 ราก
                                            - ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1/2 ช้อนชา
                                            - กะปิ 1/2 ช้อนชา โขลกละเอียด
 
                                 ขั้นตอนและวิธีทำผัดเผ็ดปลาดุก
                                                 1.ล้างปลาดุกให้หมดเมือก แล่เอาแต่เนื้อ หั่นชิ้นบางๆ
                                                 2.ขูดผิดกระชาย หั่นฝอยยาว แช่นำ้แล้วสงขึ้น
                                                 3.เด็ดใบโหระพา พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง
                                                 4.กระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อน
                                                 5.ผัดกับน้ำพริกให้หอม ใส่ปลาดุกผัดจนสุก
                                                 6.เติมน้ำ 1/4 ถ้วย ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล
                                                 7.ใส่กระชายผัดให้เข้ากันทั่วใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า ผัดคลุกให้ทั่ว
                                                 8.ตักขึ้นใส่จาน

ที่มา
http://www.thaifoodcookbook.net

ลาบหมู

                                  ลาบหมู


ส่วนผสม
* หมูสับ 350 กรัม
* ใบสาระแหน่ 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
* ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
* ผักชีหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
* พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาล 0.5 ช้อนชา
* หอมแดงหั่นหยาบ 0.5 ถ้วยตวง
* น้ำซุปไก่ 1 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
* กะหล่ำปลี 0.5 ลูก (หั่นเป็นเสี้ยว)
* ถั่วฝักยาว 5 ต้น (หั่นเฉียง)
ใบสาระแหน่
ลาบหมู
 
     วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ต้มน้ำในหม้อเล็ก ใส่หมูสับและต้มต่อไปอีก 2 นาที ระหว่างต้มใช้ทัพพีเขี่ยให้หมูแยกออกจากกัน เมื่อหมูสุกดีแล้วจึงปิดไฟ และเทน้ำออก
2. นำหมูที่สุกแล้วไปใส่ในชามขนาดกลาง เติมหอมแดง, ต้นหอม, ผักชี และใบสาระแหน่ (เหลือนิดหน่อยไว้แต่งหน้า) ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำปลา, ข้าวคั่ว, พริกป่นและน้ำตาล คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
3. ตักใส่จาน แต่งข้างจานด้วยผักสด (กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว) โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่ เสริฟพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ (หรือข้าวสวย)


ขอบคุณข้อมูลจาก


ขนมเบื้อง

                             ขนมเบื้อง


                               เครื่องปรุง + ส่วนผสม

+  ส่วนผสมตัวแป้ง +
* แป้งข้าวเจ้า 350 กรัม
* แป้งถั่วเขียว 200 กรัม
* แป้งสาลี 100 กรัม
* น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
* ไข่เป็ด (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
 
+  ส่วนผสมน้ำตาลทาขนม +
* น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
* ไข่เป็ด (เฉพาะไข่ขาว) 20 ฟอง
+  ส่วนผสมหน้าครีม +
* ไข่เป็ด (เฉพาะไข่ขาว) 3 ฟอง
* น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
* ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
   
+  ส่วนผสมไส้ +
 * ไส้หวาน : มะพร้าวขูด, ฝอยทองและงาขาว
 * ไส้เค็ม : นำกุ้งสดไปผัดกับน้ำมัน จากนั้นปรุงรสด้วยพริกไทย, เกลือ, ต้นหอมซอย และผักช
ขนมไทย : ขนมเบื้อง
ขนมไทย : ขนมเบื้อง
 
      วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. เตรีมทำตัวแป้งโดยนำแป้งข้าวเจ้า, แป้งถั่วเขียวและแป้งสาลีไปร่อนรวมกัน แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำปูนใส, น้ำตาลปี๊บและไข่แดง นวด(ขยำ) จนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงพักไว้
2. เตรียมทำน้ำตาลทาขนมเบื้อง โดยนำไข่ขาวและน้ำตาลปี๊บมาผสมกัน คนจนน้ำตาลละลายทั่วดี แล้วจึงพักไว้
3. เตรียมทำส่วนผสมหน้าครีม โดยผสมไข่ขาว, น้ำตาลทรายและครีมออฟทาร์ทาร์เข้าด้วยกัน ตีจนส่วนผสมเข้ากันดี, ผิวเนียนและขึ้นฟู จึงพักไว้
4. ตั้งไฟบนกระทะก้นแบน ใช้กระจ่าแตะที่ส่วนผสมตัวแป้ง (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1) แล้วละเลงบนกระทะ จากนั้น จึงเลือกเอาว่าจะทาน้ำตาล (ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) หรือจะทาครีม (ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 3) เลือกเอา อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แล้วละเลงบนตัวแป้ง
5. จากนั้นจึงเลือกว่าจะใส่ไส้เค็มหรือไส้หวาน เมื่อใส่ไส้เสร็จแล้ว รอสักพักจนขนมสุกจึงพับครึ่งแล้วแซะใส่ถาด หรือจัดใส่จานเสริฟ

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.ezythaicooking.com